วันจันทร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2555

เปิดตัวLamborghini Aventador LP700-4

Lamborghini Aventador LP700-4
นิช คาร์ เปิดตัวราชันย์ทางเรียบ 700 แรงม้า
baบริษัท นิช คาร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายสปอร์ตตัวแรงสัญชาติอิตาลี แลมบอร์กินี แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดตัวสุดยอดซูเปอร์คาร์รุ่นล่าสุด Lamborghini Aventador LP700-4 ที่ถือกำเนิดมาเพื่อสานต่อตำนานของ Lamborghini Murcielago หลังจากทำตลาดมาอย่างยาวนานนับ 10 ปี
Lamborghini Aventador LP700-4
baAventador มากับเครื่องยนต์ V12 สูบบล๊อคล่าสุด ความจุ 6.5 ลิตร ผลิตกำลังได้สูงถึง 700 แรงม้า ที่ 8,250 รอบ/นาที แรงบิด 70.311 กก.-ม. ที่ 5,500 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0 - 100 กม./ชม. 2.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 350 กม./ชม. นับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 ของเครื่องยนต์ 12 สูบ ต่อจาก Lamborghini Countach, Diablo และ Murcielago โดยชื่อของ Aventador นำมาจากชื่อของวัวกระทิง ที่ได้รับรางวัล Trofeo de la Pena La Madronera ในปี 1993 จากความดุดันในการเป็นนักสู้โดยสายเลือด ส่วนรหัส 700-4 คือจำนวนแรงม้า และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อนั่นเอง

baจุดเด่นอยู่ที่น้ำหนักตัว ที่เบาเพียง 229.5 กิโลกรัม จากโครงสร้างโมโนค๊อก (Monocoque) คาร์บอนไฟเบอร์โพลิเมอร์ หรือ CFRPประกอบด้วยอีพ๊อกซี่เพิ่มความแข็งแรง เสริมด้วยอะลูมิเนียมในบางจุดที่เชื่อมต่อกับซับเฟรมด้านหน้าและด้านหลัง เลย์เอาท์เครื่องยนต์ยังเป็นแบบวางกลางลำเหมือน Murcielago มิติตัวรถเพิ่มขึ้น ยาว 4,780 มม. กว้าง 2,029 มม. สูง 1,136 มม. ระยะฐานล้อ 2,700 มม. การกระจายน้ำหนักหน้า - หลัง 43 - 57%
Lamborghini Aventador LP700-4
• (ซ้าย) คุณแชมป์ - วิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิช คาร์ จำกัด และ ดีเจพีเค - คุณปิยะวัฒน์ เข็มเพชร รับหน้าที่พิธีกรในงาน
Lamborghini Aventador LP700-4
baAventador ส่งกำลังด้วยเกียร์ AMT 7 จังหวะ ISR (Independent Shifting Rods) พร้อมคลัทช์คู่ ความเร็วในการเปลี่ยนเกียร์ประมาณ .05 วินาที ลักษณะการทำงานของเกียร์เปลี่ยนไปตามโหมดการขับ ซึ่งมีให้เลือก 3 แบบ คือโหมด Strada สำหรับวิ่งบนถนน โหมด Sport สำหรับเพิ่มความเฉียบคมขึ้น และ Corsa สำหรับวิ่งบนแทร็ค ระบบกันสะเทือนแบบก้านกระทุ้ง (Push Rod) แบบรถสูตรหนึ่ง ช่วงล่างปีกนกคู่ พร้อมติดตั้งดิฟเฟอเรนเชียล ทำงานร่วมกับระบบป้องกันการลื่นไถล และระบบควบคุมการทรงตัว ESP

baภายนอก และภายใน สามารถเลือกตกแต่งได้ตามความต้องการ สีภายนอกมีให้เลือก 13 สี ภายในทูโทนมี 2 สไตล์คือ Sportivo หรือหรูหราElegante จอ TFT-LCD พร้อมมีออปชั่นเพิ่มเติมให้เลือกสั่งเพิ่ม อาทิ ระบบเสียงไฮ-เอนด์ Lamborghini Sound System แกนลำโพงทำจาก แม่เหล็กถาวร Neodymium แอมป์พลิฟายเออร์ 4 x 135 วัตต์, ระบบช่วยจอดพร้อมเซนเซอร์หน้า - หลัง และ กล้องมองหลัง
Lamborghini Aventador LP700-4
baAventador ติดตั้งแคทตาไลติก คอนเวอร์เตอร์ และ แลมบ์ดา เซนเซอร์ อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 398 กรัม/กิโลเมตร ผ่านมาตรฐาน Euro 5 อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 5.8 กม./ลิตร

baนิช คาร์ เปิดราคา Lamborghini Aventador LP700-4 ออกมาที่ 36 ล้านบาท สำหรับรุ่น Full Option ทั้งนี้โควต้าในเมืองไทยสำหรับปี 2011 อยู่ที่ 8 คัน ทว่าได้รับการจองไปเรียบร้อยแล้วประมาณ 14 คัน นั่นหมายถึงท่านที่สนใจ อาจจะต้องรอกันอีกเล็กน้อย ส่วนบริการหลัง

วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

งานมอเตอร์โชว์ 2012

กลับมาแล้ว! กับงาน มอเตอร์โชว์ 2012 Motor Show 2012 หรืองาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 33 ภายใต้แนวคิด "ยนตรกรรมสรรสร้างเทคโนโลยี" โดยในปีนี้งาน มอเตอร์โชว์ 2012 หรือ Motor Show 2012 จัดแสดงระหว่างวันที่ 28 มีนาคม - 8 เมษายน 2555 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งกระปุกดอทคอมก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพบรรยากาศของงาน มอเตอร์โชว์ 2012 มาฝากกันอีกเช่นเคยค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2555

Lamborghini รุ่นใหม่ล่าสุด AVENTADOR LP700 - 4

CONCEPT & MODEL NAME The new V12 unit represents the TOP of Lamborghini Models range, its name is “Aventador” respecting the traditional inspiration from bullfighting

History of lamborghini



history
lamborghini history

“เฟอรุชชิโอ แลมเบอร์กินี” เกิดเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ.2459 ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ทางเหนือของอิตาลี เฟอรุชชิโอให้ความสนใจ ในเรื่อง
เครื่องยนต์กลไกเป็นอย่างมากตั้งแต่ในวัยเด็กเมื่อโตพอแล้วพ่อแม่ของเขาได้จัดเตรียมให้เขาได้เข้าเรียนในวิทยาลัย อุตสาหกรรม ในเมือง
โบโลญญ่าหลังจากที่ได้ศึกษาเป็นเวลาหลายปีเขาก็สำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ ทางด้านอุตสาหกรรม และเริ่มทำ
งานในอู่ซ่อมเครื่องยนต์เมื่อช่วงต้นอายุยี่สิบของเขานั้น สงครามโลกครั้งที่สองได้เกิดขึ้น และเขาได้เข้าร่วมรับใช้ชาติด้วย การทำงานที่ฐาน
ทัพอากาศอิตาลีที่เมือง Rhodes โดยทำหน้าที่ซ่อมแซมยวดยาน หลังจากที่ สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง เขายังคงถูกบังคับให้ทำงานดัง
กล่าวด้วยการซ่อมยวดยาน
ของฝ่ายสัมพันธมิตรต่อไปอีกจนถึงปี พ.ศ. 2489ในที่สุดเขาก็ได้กลับบ้าน และได้เริ่มต้นซ่อมแซมรถแทรกเตอร์ในอิตาลี ที่ยังคงใช้อะไหล่จากยวดยานของทหาร
และนี่เองคือ จุดเริ่มต้นในการตั้งโรงงานแทรกเตอร์ที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จมากที่สุดในฐานะนักธุรกิจ เฟอรุชชิโอเป็นคนที่เข้าใจชีวิต และใช้ชีวิตได้อย่างมี
ความสุขและเป็นเพราะว่าเขาให้ความสนใจในเรื่องยานยนต์โดยเฉพาะประเภทที่มีความเร็วสูง เขาจึงซื้อ เฟอร์รารีไว้หลายคันในช่วงนั้น
แต่ในช่วงนั้น การสร้างรถเฟอร์รารี สำหรับถนนปกตินั้นทำการผลิตกันแบบขอไปที เจ้าของรถเฟอร์รารีหลายคนไม่พอใจในรถของ ตนเอง แต่ก็ไม่กล้าที่จะร้องเรียน
เพราะกลัวว่าตนเองอาจจะไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อรถได้อีก สาเหตุของการให้บริการหลังการขาย ที่ย่ำแย่ เป็นเพราะว่า เอนโซ เฟอร์รารี นั้นได้ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ
ทั้งหมดของเขาไปที่รายการแข่งรถ ส่วนรถที่ใช้สำหรับขับขี่ บนถนนนั้นถูกผลิตขึ้นเพื่อนำเงินที่ได้ไปพัฒนารถแข่งของเขาเท่านั้นในช่วงต้นของทศวรรษที่ 60
เฟอรุชชิโอ แลมเบอร์กินี ได้เป็นเจ้าของ เฟอร์รารี 250 GT ถึงกระนั้นเขาก็ต้องส่งรถคันดังกล่าวเข้า ซ่อมหลายครั้งและดูเหมือนว่ามันไม่เคยได้รับการซ่อม แซมได้
อย่างถูกต้องเลย และนี่คือปฐมเหตุในการเริ่มต้น ตำนานของ แลมเบอร์กินี
ในครั้งหนึ่ง เมื่อเฟอรุชชิโอ แลมเบอร์กินี ได้รับรถเฟอร์รารีของเขากลับมาจากโรงงาน หลังจากส่งไปซ่อมคลัชท์ แต่ดูเหมือนว่า โรงงาน
นั้นไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ ดังนั้น เฟอรุชชิโอ จึงคิดที่จะไปเยี่ยมเยียน เอนโซ เฟอร์รารี ด้วยตัวของเขาเอง ดังนั้นเขาจึงไป
ถึงโรงงานของเฟอร์รารี และได้บอกแก่ เอนโซ เฟอร์รารี ในเรื่องที่เขารู้สึกเกี่ยวกับตัวของเอนโซและรถอันแสนย่ำแย่ ของเขาไปเรื่อง
สองเรื่องเอนโซ ได้ตอกกลับเฟอรุชชิโอว่า เป็นเพียงแค่คนบ้านนอกที่ไม่มีความรู้อะไรเลยในเรื่องที่เกี่ยวกับรถสปอร์ต ต่างกับเขา ที่มี
อยู่เต็ม ในสายเลือด หลังจากการโต้เถึยงครั้งนั้น เฟอรุชชิโอ แลมเบอร์กินี ก็ตัดสินใจว่าเขาจะต้องโต้ตอบเอนโซ ให้เจ็บแสบที่สุดด้วย
การสร้างรถของเขาเอง ดังนั้นเขาจึงได้ว่าจ้างบุคลากรที่ดีที่สุดที่เขา สามารถหามาได้ และเริ่มต้นชีวิตผจญภัยของเขาด้วยการสร้าง GT
รถที่ สมบูรณ์แบบ และไม่ใช่แค่เขาสร้างมันได้ดีกว่าและเร็วกว่า แต่เขายังต้องการที่จะรับฟังจากลูกค้าของเขาด้วย และช่วยเหลือลูกค้า
ของเขาหากเกิดปัญหาจากรถที่เขาสร้างขึ้น
เฟอรุชชิโอ ได้เริ่มต้นด้วยการสร้างโรงงานใหม่ และตั้งบริษัท “แลมเบอร์กินี ออโตโมบิลี” ซึ่งหากจากโรงงานของเฟอร์รารี
เพียง 15 กม. เท่านั้น เขาเริ่มต้นสร้างรถคันใหม่ของเขา ในมุมหนึ่งของโรงงานแทรกเตอร์ ก่อนที่โรงงานสร้างรถยนต์แห่งใหม่จะ พร้อม
เสร็จ เขาใช้เวลาทุกนาทีในการพัฒนารถของเขาด้วยตนเอง เฟอรุชชิโอ ทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกจ้างของเขา เพราะว่าเขา ต้องการที่มี
ส่วนร่วมในทุกๆ ด้านในการพัฒนารถคันนี้ และบ่อยครั้งที่อยู่เป็น คนสุดท้ายเพื่อคอยปิดสวิชท์ไฟในโรงงานปลายเดือน
ตุลาคม พ.ศ.2506 แลมเบอร์กินี 350 GTV คันแรกก็เสร็จสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม รถดังกล่าวก็ยังเป็นเพียงรถต้นแบบ และ ผลิตภัณฑ์คันแรกนั้นยังมาไม่ถึงจนกระทั่งเดือนมีนาคม 2507 ด้วย 350 GT
ที่ได้ปรากฏแก่สายตาชาวโลกว่าเฟอร์รารีนั้นสามารถที่จะถูกปราบลงได้เช่นกัน และนี้คือเรื่องราวทั้งหมดในการเริ่มต้นจ้าวแห่งตำนาน
ของกระทิงเปลี่ยว

lamborghini history
350gt